ศัลยกรรมตกแต่งคืออะไร

กลับไปหน้า ในฐานะอาจารย์

ความหมาย

ศัลยกรรมตกแต่งเป็นสาขาเฉพาะทางศัลยกรรมที่มุ่งเน้นในเรื่องการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของร่างกาย ดังจะเห็นได้จากคำในภาษาอังกฤษคือ plastic surgery  คำว่า "plastic" ไม่ได้หมายถึง พลาสติกหรือของสังเคราะห์หรือของเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น  เป็นคำที่มาจากภาษากรีกโบราณ คือ plastikos ซึ่งแปลว่า "to mold or give form" "ปั้นได้" "ขึ้นรูปได้" สื่อไปถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง

plastikos

ขอบเขตของงานศัลยกรรมตกแต่ง

งานด้านศัลยกรรมตกแต่ง (plastic surgery) ครอบคลุมไปยังทุกส่วนของร่างกายที่ไม่ใช่อวัยวะภายใน  กล่าวคือปรับเปลี่ยนรูปลักษณะของร่างกายภายนอกตั้งแต่ศีรษะลงไปถึงปลายนิ้วเท้า ไม่ยุ่งเกี่ยวโดยตรงกับอวัยวะภายใน ไม่ว่าจะสมอง ลูกตา รูหู หูชั้นกลาง หูชั้นใน ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร อวัยวะในช่องอก อวัยวะในช่องท้อง  แต่ถ้าต้องยุ่งเกี่ยว หมอที่เรียนต่อเฉพาะทางด้านนี้ เรียกว่า ศัลยแพทย์ตกแต่ง (plastic surgeon) มีความรู้เกี่ยวกับอวัยวะภายในไม่เพียงพอ จึงมักจะทำงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทางของอวัยวะภายในเหล่านั้น  นอกจากนี้ศัลยกรรมตกแพทย์ตกแต่งไม่ใช่จะสนใจแต่รูปลักษณ์ (form) ยังคำนึงถึงการทำงาน (function) ของร่างกายส่วนนั้นด้วย

รูปลักษณ์และการทำงานของร่างกาย: หัวใจของศัลยกรรมตกแต่ง

ศัลยกรรมตกแต่งเป็นสาขาที่เด่นในการให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ คือ form เป็นอย่างมาก แต่ก็เอาใจใส่กับการทำงานของร่างกายด้วย คือ function  คือเอาทั้ง form และ function โดยเน้นเรื่อง form มาก ๆ  ต่างจากการแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่น ๆ ที่มักเน้นที่ function มากกว่า form เช่น ถ้าผ่าตัดต่อหรือซ่อมลำไส้ ศัลยแพทย์ทั่วไป (general surgeon) ก็ไม่ได้สนใจความสวยงามของลำไส้ที่ต่อหรือซ่อมเสร็จ ขอให้ลำไส้ไม่ตันทำงานได้  แต่ถ้าเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งที่ดี เมื่อจัดการกับเนื้อเยื่อภายในแล้ว จะให้ความสำคัญกับรูปร่างที่ต้องดูปกติและการเย็บปิดแผลที่หวังผลว่าแผลเป็นต้องสวยงามดูไม่ชัด  ศัลยแพทย์ตกแต่งจึงเป็นหมอผ่าตัดที่ทำงานที่ซ่อมรูปลักษณ์ของร่างกายที่ผิดปกติให้กลับมาดูปกติ และปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่ปกติให้เปลี่ยนไปในทางที่สมัยนิยม โดยคำนึงถึงหน้าที่การทำงานของอวัยวะส่วนนั้นด้วย

ศัลยแพทย์ตกแต่งจึงเป็นหมอผ่าตัดที่ทำงานที่ซ่อมรูปลักษณ์ของร่างกายที่ผิดปกติให้กลับมาดูปกติ และปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่ปกติให้เปลี่ยนไปในทางที่สมัยนิยม โดยคำนึงถึงหน้าที่การทำงานของอวัยวะส่วนนั้นด้วย

ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้าง vs ศัลยกรรมความงาม

หมอด้วยกันมักจะรู้ว่า งานด้านศัลยกรรมตกแต่งประกอบด้วยงาน 2 ลักษณะ คือ งานซ่อมสร้างหรืองานเสริมสร้าง (reconstructive surgery หรือ plastic and reconstructive surgery) และงานเสริมสวย (cosmetic surgery หรือ aesthetic surgery หรือ plastic and aesthetic surgery)  แต่มีหมอน้อยนักที่จะเข้าใจจริง ๆ ว่า งานสองส่วนนี้ต่างกันอย่างไร  งานเสริมสวยหรือเสริมความงามเป็นการผ่าตัดปรับเปลี่ยนร่างกายที่ปกติให้มันมีรูปลักษณ์ที่เป็นที่นิยมชมชอบของเจ้าตัว(ซึ่งมักเป็นไปตามค่านิยมของสังคม)  แต่งานเสริมสร้างต้องเป็นการผ่าตัดแก้ไขร่างกายที่ผิดรูปผิดปกติ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ให้กลับเป็นปกติ

ภาวะใดบ้างที่ต้องใช้ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้าง

ร่างกายที่ผิดปกติและต้องการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสร้าง (plastic and reconstructive surgery) มีสาเหตุได้หลากหลาย  ในทางการแพทย์ เรานิยมมองสาเหตุที่ทำให้คนเราป่วยเป็นกลุ่ม ๆ คือ ความผิดปกติแต่กำเนิด (birth defects) การบาดเจ็บ (trauma) เนื้องอกทั้งมะเร็งและไม่ใช่มะเร็ง (tumors) การติดเชื้อ (infection)  เรียกกันติดปากในไทยว่า “congenital trauma tumor infection”  การแยกสาเหตุเป็นกลุ่ม ๆ แบบนี้ก็ใช้ได้กับความพิการผิดรูปของร่างกายภายนอกในสาขาศัลยกรรมตกแต่ง  ตัวอย่างโรคที่มนุษย์มีรูปลักษณ์ผิดปกติและต้องแก้ไขด้วยศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสร้าง เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ (cleft lip and palate) ร่างกายผิดรูปจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก (burns) เต้านมผิดรูปจากการผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านม ใบหน้าและร่างกายที่ผิดรูปจากการบาดเจ็บ (เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน ถูกทุบตี จากอาวุธหรือสงคราม) นิ้วมือและมือผิดรูปจากโรครูมาตอยด์  กล่าวมาถึงตอนนี้ ใคร ๆ ก็คิดว่า เข้าใจความหมายของ plastic and reconstructive surgery แต่พอไปปฏิบัติจริง ๆ หลาย ๆ คนกลับทำกับคนไข้แบบไม่เข้าใจ

สาขาต่อยอดของศัลยกรรมตกแต่ง (Subspecialties of Plastic Surgery)
มีศัลยแพทย์ตกแต่งจำนวนมากที่ศึกษาต่อยอดในสาขาต่าง ๆ ของศัลยกรรมตกแต่งจนมีความเชี่ยวชาญลึกลงไปอีก
งานที่ทำกับ... ชื่อสาขาต่อยอด
ใบหน้าและศีรษะ craniofacial surgery
ไฟไหม้น้ำร้อนลวก burn surgery
ผ่าตัดหลังการรักษามะเร็งเต้านม breast reconstruction after mastectomy
ผ่าตัดหลังมะเร็งบริเวณใบหน้าและคอ head and neck cancer reconstruction
ผ่าตัดที่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ microsurgery
มือและนิ้วมือ hand surgery

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

คนหลายคนใช้ความรู้สึกตีความงานศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสร้าง (plastic and reconstructive surgery) ผิดไปเป็นงานศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสวย (cosmetic surgery) เพียงเพราะไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง  ผู้เขียนเคยพบคนไข้ที่มีใบหูพิการแต่กำเนิดถูกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งปฏิเสธการรักษาและการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่สูงกว่า แจ้งผู้ป่วยว่าไม่สามารถใช้สิทธิ์การรักษาได้เพราะการมีใบหูพิการผิดรูปนี้ไม่ทำให้ตายและการผ่าตัดรักษาถือเป็นงานเพื่อการเสริมสวย  หากใช้วิธีคิดแบบนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสม ผู้ป่วยปากแหว่งทั้งที่ยังไม่ได้รับการรักษาและที่ได้รับการผ่าตัดไปแล้วแต่ปากบนและจมูกยังผิดรูป (cleft lip and nose deformity) ก็ไม่ควรใช้สิทธิ์การรักษาได้ เพราะการมีปากแหว่งที่ไม่ได้รักษาหรือปากบนและจมูกที่ยังไม่ปกติก็ไม่ทำให้ตาย และการผ่าตัดรักษาก็ควรจะเป็นงานเพื่อการเสริมสวยเช่นกัน  ยังมีโรคและภาวะอื่น ๆ อีกหลายอย่างก็เป็นเช่นนี้ คือมีรูปร่างผิดปกติโดยไม่มีผลกระทบกับการทำงานใด ๆ ของร่างกาย แต่กลับไม่ถูกตัดสิทธิ์ เช่น ภาวะนิ้วเกิน (polydactyly) ติ่งหน้าหู (preauricular tags) กล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรง (eyelid ptosis) ที่เป็นไม่มาก ใบหน้าแหว่งแต่กำเนิด (facial clefts) ที่เป็นไม่มาก เป็นต้น  เมื่อท่านอ่านมาถึงตอนนี้ จะเห็นได้ว่า ศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสร้างและศัลยกรรมตกแต่งเพื่อเสริมสวยมีความใกล้ชิดกันมาก จริง ๆ แล้วเป็นองค์ประกอบที่ผสมกลมกลืนกัน ศัลยแพทย์ตกแต่งทำไปพร้อม ๆ กัน และมีส่วนเกื้อหนุนกัน

ความเข้าใจผิด ๆ ระหว่างศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้าง และ ศัลยกรรมความงาม แผนผังแสดงความแตกต่างระหว่างศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างและศัลยกรรมความงาม
ความเข้าใจผิด ๆ ระหว่างศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้าง และ ศัลยกรรมความงาม
ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติแต่กำเนิด
ตรรกะการตัดสินใจของโรงพยาบาล
ถูกมองว่าเป็น "cosmetic"
เหตุผล: "ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต"
ปฏิเสธการรักษา
ได้รับการยอมรับว่า "จำเป็น"
เพื่อแก้ไขรูปร่างให้เป็นปกติ
รับรักษา

ทักษะงานเสริมสร้างช่วยส่งเสริมงานเสริมสวยได้อย่างไร

ทักษะความสามารถในการผ่าตัดเสริมสร้างในตัวศัลยแพทย์ตกแต่งจะส่งเสริมความสำเร็จของการผ่าตัดเสริมสวย  การที่ศัลยแพทย์ตกแต่งจะทำผ่าตัดซ่อมเสริมสร้างส่วนของร่างกายที่ผิดรูปหรือขาดหายไปได้สำเร็จ ต้องมีความรู้ทางกายวิภาคเป็นอย่างดี คุ้นเคยกับร่างกายไม่ใช่แค่ในทางทฤษฎี ชำนาญในวิธีการซ่อมและสร้างแบบต่าง ๆ ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดได้หากมีข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นมา  ดังนั้นเมื่อศัลยแพทย์ตกแต่งต้องทำผ่าตัดเสริมสวยซึ่งเป็นงานที่ทำกับอวัยวะที่ปกติมีกายวิภาคปกติจึงเป็นเรื่องง่าย  เวลาทำมักไม่สุ่มสี่สุ่มห้าไปทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนก็จะเกิดขึ้นน้อย  หากทำผ่าตัดไปแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ก็มักจะสามารถแก้ไขได้เอง  แค่ต้องทำความเข้าใจความต้องการความคาดหวังของผู้ที่มารับการผ่าตัดและเข้าใจค่านิยมที่เกี่ยวข้องกับความงาม  แต่กว่าจะไปถึงจุดที่เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งฝีมือดี ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทางและทำงานสะสมประสบการณ์กันอย่างหนักทีเดียว

เส้นทางสู่การเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง

เส้นทางการเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งไม่ว่าประเทศไหนในโลกล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย  หลังจากเรียนจบแพทย์ 6 ปี ต้องหาทางสมัครเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนแพทย์ ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีในวงการว่ามีการแข่งขันสูงมาก ๆ  การเรียนการสอน 6 ปีจนจบมาเป้นแพทย์ที่เรียกว่า แพทย์ทั่วไป (general practitioner หรือ GP) ในยุคปัจจุบันก็ต่างจากสมัยก่อนมาก คือมีทักษะต่าง ๆ รวมทั้งการทำหัตถการค่อนข้างน้อย  ตอนมาเรียนเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางซึ่งเรียกเป็นภาษาทางการว่า ฝึกอบรม  หากจะเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง ต้องผ่านงานศัยกรรมทั่วไป (general surgery) ซึ่งรักษาโรคทางศัลยกรรมทุกประเภทอยู่ถึง 2 ปี งานหนัก อยู่เวรหนัก วิชาการเข้มข้น ต้องพัฒนาฝีมืออย่างหนัก  ต่อด้วยงานศัลยกรรมตกแต่งที่ทำทั้งการซ่อมสร้างและเสริมสวยโดยเฉพาะอีก 3 ปี ซึ่งก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้ศัลยกรรมทั่วไป  การฝึกอบรมที่หนักและเข้มข้นขนาดนี้ แม้จะสอบผ่านจนได้วุฒิบัตร (เรียกว่า board-certified plastic surgeon) ตอนจบมาใหม่ ๆ ก็ถือว่าในแง่ฝีมือยังเป็นมือใหม่อยู่ดี ต้องอาศัยการทำงานต่อเนื่องหลังจบการฝึกอบรมอีกหลายปี กว่าจะเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง  แต่ด้วยทักษะในระดับสูงที่ได้จากการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นเช่นนี้ ศัลยแพทย์ตกแต่งจึงเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งของประเทศชาติ ช่วยเหลือผู้คนได้มากมายทั้งที่เจ็บป่วยและที่อยากสวยอยากจะหล่อ ไม่ใช่แพทย์ที่ทำแต่ความงามเป็นอย่างเดียว

ศัลยแพทย์ตกแต่ง vs ศัลยแพทย์ความงาม

ในสังคมเรา มีแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ทำงานทางด้านความสวยงามเพียงอย่างเดียว เช่นนี้ไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่ง  แพทย์กลุ่มนี้เรียกว่า ศัลยแพทย์ความงาม หรือ cosmetic surgeon  ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมในโรงเรียนแพทย์ตามแบบที่เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์หรือแพทยสภา จึงไม่มีวุฒิบัตร  เป็นแพทย์ทั่วไปและแพทย์ในสาขาอื่น ๆ ที่สนใจจะหารายได้จากงานด้านความงาน  หลายคนขวนขวายหาทางเรียนรู้แบบระยะสั้นตามที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  อาจจะได้ประกาศนียบัตร หรือที่เรียกว่า certificate จำนวนมากมายหลายใบ  เช่นนี้ไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่ง และไม่มีความสามารถในงานศัลยกรรมเสริมสร้าง  นอกจากนี้ยังมีบางสาขาวิชาที่ได้รับอนุมัติโดยแพทยสภามาไม่นานนัก ยอมรับให้เป็นสาขาเฉพาะทาง มีการฝึกอบรมไม่กี่ปีโดยไม่ได้ผ่านงานศัลยกรรมทั่วไปก็ได้รับวุฒิบัตร ใช้ชื่อคล้าย ๆ ศัลยแพทย์ตกแต่ง  เช่นนี้ก็ไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่งเช่นกัน  ประชาชนมักจะไม่เข้าใจและมีความสับสนในเรื่องนี้อยู่มาก

บทสรุป

สรุปคำตอบของเรื่องนี้ ศัลยกรรมตกแต่งคืองานด้านการผ่าตัด(ศัลยกรรม)ชนิดหนึ่งที่ซ่อม สร้าง เสริม หรือเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายภายนอก ทั้งจากผิดปกติมาเป็นปกติ (เรียกว่า ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้าง หรือ plastic and reconstructive surgery)  และจากปกติไปเป็นแบบที่สวยงามขึ้น (เรียกว่า ศัลยกรรมเสริมสวย หรือ ศัลยกรรมความงาม หรือ  plastic and aesthetic surgery หรือ cosmetic surgery)  โดยแพทย์ที่ทำงานด้านนี้ก็ต้องผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางมาโดยเฉพาะ จึงจะเรียกว่า ศัลยแพทย์ตกแต่งที่แท้จริง

ปรับปรุงล่าสุด - 10 พ.ย 2568