ในฐานะศัลยแพทย์ตกแต่ง

ประวัติการศึกษา

2533 - แพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับสอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

2539 - วุฒิบัตรศัลยศาสตร์ทั่วไป (ฝึกอบรมที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)

2541 - วุฒิบัตรศัลยศาสตร์ตกแต่ง (ฝึกอบรมที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)

2542-2543 - ฝึกอบรมต่อยอดศัลยศาสตร์ตกแต่งที่ Australian Cranio-facial Unit เมืองอะดิเลด ออสเตรเลีย

2543-2544 - ฝึกอบรมต่อยอดศัลยศาสตร์ตกแต่งที่ Tampa Bay Craniofacial Center ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

สมาชิกสมาคมวิชาชีพ

ความรับผิดชอบ

  • คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน
  • งานคลินิก

    ศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการ (Reconstructive Surgery)

    ผลงานเด่น

    ตลอดชีวิตการทำงาน ศ. นพ.นนท์ เป็นผู้นำในงานศัลยกรรมตกแต่งในประเทศไทย  มีการนำเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันที่สำคัญ

    ผลงานหลักได้แก่

    ขอบเขตงาน

    ความเชี่ยวชาญในงานศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการครอบคลุมภาวะและหัตถการที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง

    • ความผิดปกติบนใบหน้าและศีรษะ (เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ ความผิดปกติแต่กำเนิด อุบัติเหตุ)
    • การบาดเจ็บบนใบหน้า (เช่น บาดแผลซับซ้อน กระดูกหัก)
    • มะเร็งผิวหนัง (เช่น มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา มะเร็งผิวหนังชนิดเบซัลเซลล์ มะเร็งผิวหนังชนิดสความัสเซลล์)
    • ศัลยกรรมเต้านม (เช่น ก้อนที่เต้านม การเสริมสร้างเต้านมหลังการรักษามะเร็ง)
    • การสร้างใบหู (เช่น หลังอุบัติเหตุ ภาวะหูเล็กแต่กำเนิด)

    ศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงาม (Cosmetic Surgery)

    ผลงานเด่น

    ในแวดวงศัลยกรรมความงาม ศ. นพ.นนท์ เป็นที่รู้จักในการนำหัตถการที่ก้าวล้ำมาสู่ประเทศไทย และในความเชี่ยวชาญเทคนิคที่ซับซ้อน ผลงานที่โดดเด่นได้แก่

    • เป็นผู้บุกเบิกการนำเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าและยกคิ้วด้วยกล้องส่องมาใช้ในประเทศไทย ทั้งเพื่อความงามและการรักษาไมเกรน
    • เป็นศัลยแพทย์คนแรกในประเทศไทยที่ใช้ Endotine
      สัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องการยกคิ้วด้วยกล้อง

      ศ. นพ.นนท์ ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการยกคิ้วด้วยกล้องส่องที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2554  งานนี้เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านศัลยกรรมตกแต่งที่ทำกับอาจารย์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยมีผู้จองที่นั่งเต็มภายในสองวัน  ท่านยังได้ใช้โอกาสนี้แนะนำ Endotine ให้กับเพื่อนศัลยแพทย์ที่เข้าร่วมการอบรมด้วย

    • เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศในด้านการผ่าตัดปรับแต่งโครงกระดูกใบหน้าที่ซับซ้อน
    • เป็นผู้บุกเบิกเทคนิคศัลยกรรมเต้านมขั้นสูง โดยเป็นศัลยแพทย์คนแรกในประเทศไทยที่ทำการผ่าตัดเสริมเต้านมด้วยกล้องส่อง (พ.ศ. 2546) การผ่าตัดเอาแคปซูลเต้านมเทียมออกด้วยกล้องส่อง และการผ่าตัดเอาเต้านมเทียมออกทั้งบล็อก (พ.ศ. 2561)
    • เป็นผู้ที่นำ PTFE ภายใต้แบรนด์​ Gore-Tex มาใช้เสริมจมูกและคางเป็นคนแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 (ปัจจุบันไม่มี Gore-Tex สำหรับเสริมจมูกและใบหน้าจำหน่ายแล้ว)
    • เป็นศัลยแพทย์ที่ได้รับเลือกจากบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องดูดไขมัน Vaser ให้ทดลองใช้และประเมินคุณภาพเมื่อแรกนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย

    ขอบเขตงาน

    งานศัลยกรรมความงามของศ. นพ.นนท์ ครอบคลุมหัตถการที่หลากหลายสำหรับใบหน้าและร่างกาย ซึ่งปรับให้เข้ากับเป้าหมายความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ป่วยแต่ละราย

    • ศัลยกรรมเปลือกตา (เช่น การทำตาสองชั้น การแก้ไขภาวะหนังตาตก)
    • ศัลยกรรมจมูก (เช่น การลดขนาด การเสริมด้วยกระดูก ซิลิโคน หรือ PTFE ซึ่งมักเรียกกันผิด ๆ ว่า Gore-Tex)
    • การดึงหน้า (เช่น แบบดั้งเดิม การดึงหน้าแบบ SMAS การดึงหน้าผากและส่วนกลางใบหน้าด้วยกล้องส่อง)
    • การปรับแต่งโครงหน้า (เช่น การตัดมุมกราม การลดโหนกแก้ม ศัลยกรรมคาง การปรับแต่งหน้าผาก การกำจัดไขมันกระพุ้งแก้ม)
    • ศัลยกรรมเต้านม (เช่น การลดขนาด การเสริม การยกกระชับ การผ่าตัดเอาเต้านมเทียมออกทั้งบล็อก การเสริมสร้างเต้านมหลังการรักษามะเร็ง การแก้ไขภาวะเต้านมโตในชาย)
    • ศัลยกรรมใบหู (การผ่าตัดตกแต่งใบหู)
    • การปรับแต่งรูปร่าง (เช่น การผ่าตัดหน้าท้อง การดูดไขมัน การยกกระชับส่วนล่างของร่างกาย)

    ผลงานทางวิชาการตีพิมพ์

    32 เรื่องในวารสารการแพทย์
    17 บทในหนังสือและตำราทางการแพทย์

    Dr. Nond's textbook: Frontoethmoidal Encephalomeningocele หนังสือของศ. นพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์ หน้าต่างที่เปลี่ยนได้ หนังสือของศ. นพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์ Atlas of Endoscopic Forehead Lift

    วิทยากร

    16 ครั้งในการประชุมนานาชาติ และ 47 ครั้งในการประชุมในประเทศ

    เป็นข้าราชการของจุฬาลงกรณ์

    หมอนนท์ทำงานเป็นข้าราชการในสังกัดหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาวิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์อันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นสถานพยาบาลหลักสำหรับการฝึกฝน  โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ยังเป็นสถาบันฝึกอบรมศัลยกรรมตกแต่งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541

    งานหลักที่จุฬาลงกรณ์

    โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

    ความจริงแล้ว ศัลยกรรมความงามไม่ใช่งานเพียงอย่างเดียวที่หมอนนท์ทำ  หมอนนท์เป็นผู้ที่ริเริ่มว่าควรจะมีศูนย์เฉพาะทางด้านการแก้ไขความผิดปกติบนใบหน้าและศีรษะในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2543  จากเดิมที่ไม่มีศูนย์เช่นนี้ในประเทศไทยเลย หมอนนท์ได้เสนอแนวความคิดนี้ให้กับอาจารย์ที่จุฬา และร่วมผลักดันจนประสบความสำเร็จ  ในปัจจุบัน ศูนย์เฉพาะทางนั้นก็คือ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย  เป็นศูนย์ทางด้านนี้แห่งแรกและครบวงจรที่สุดของประเทศไทย

    ตลอดเวลาตั้งแต่เข้ารับราชการที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมอนนท์ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างความเป็นเลิศให้กับศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ มาจนถึงปัจจุบัน  หมอนนท์เป็นผู้จัดวางระบบการทำงานตั้งแต่แรก จัดหาเจ้าหน้าที่ประจำและมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการบริหารจัดการ  กำหนดนโยบายการดูแลผู้ป่วยของศูนย์ว่าควรจะครอบคลุมทั้งกาย ใจ และสังคม  ริเริ่มให้มีและดำเนินการโครงการและกิจกรรมแทบทั้งหมดของศูนย์  ริเริ่มเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในงานประชาสัมพันธ์จนศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ จนเป็นที่รู้จัก  ตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่หลังการก่อตั้งศูนย์ คือช่วงปีพ.ศ. 2548-2563 หมอนนท์เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งคนเดียวในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่ดูแลรักษาผ่าตัดผู้ป่วยของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทั้งหมดกว่า 3,000 คน ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่น ๆ  และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา แม้ว่าจะมีศัลยแพทย์รุ่นใหม่เข้ามาช่วยเหลือ ก็ยังคงเป็นผู้ที่ดูแลคนไข้ส่วนใหญ่ของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ  ทั้งยังริเริ่มให้มีโครงการคลินิกเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการรักษาที่ดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ทั่วประเทศ  เป็นผู้ที่ริเริ่มจนมีการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดในสาขานี้ ที่เรียกว่า craniofacial fellowship นับเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  และมีศัลยแพทย์ทั้งไทยและต่างประเทศหลายคนมาขอเรียนด้วยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

    ด้วยผลของงานที่ทำในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย หมอนนท์ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ ใบหน้าและศีรษะ แห่งประเทศไทย ถึง 2 สมัย  และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งสูงสุดของสมาคมทางด้านความพิการบนใบหน้าและศีรษะในระดับสากล คือเป็นนายกสมาคม Asian Pacific Craniofacial Association

    ผู้เชี่ยวชาญ 2 วุฒิบัตร

    ภายหลังที่จบการฝึกอบรมเป็นเวลาถึง 5 ปีที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จนได้วุฒิบัตร 2 ใบ จากแพทยสภา คือ ทั้งศัลยศาสตร์ทั่วไปและศัลยศาสตร์ตกแต่ง  ก็ได้ทำงาน เรียนรู้ และพัฒนาตนเองกับคณาจารย์ทั้งหลาย รวมถึง นพ.ถาวร จรูญสมิทธิ์, นพ.มนัส เสถียรโชค, นพ.จรัญ มหาทุมะรัตน์, นพ.ประยุทธ โชครุ่งวรานนท์, นพ.ศิรชัย จินดารักษ์ ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งชั้นนำของไทย  นี่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จของหมอนนท์ในปัจจุบัน

    ฝึกอบรมต่อยอดในต่างประเทศ

    ในเวลาต่อมา หมอนนท์ได้ไปฝึกอบรมต่อยอดความรู้ความสามารถในฐานะแพทย์ประจำบ้านต่อยอดในต่างประเทศ คือที่ Australian Craniofacial Unit ประเทศออสเตรเลีย กับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศ. นพ.เดวิด เจ เดวิด เป็นเวลา 1 ปี  ตามด้วยการฝึกอบรมอีก 1 ปีกับศ. นพ.มูตาซ ฮาบาล ที่ Tampa Bay Craniofacial Center ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา  ในช่วงนั้นอาจารย์ในต่างประเทศพาไปทำงานในส่วนของเอกชนที่มีผู้ป่วยทางด้านความงามด้วยตลอด 2 ปี  การฝึกอบรมในต่างประเทศนี่เองที่ทำให้มีความคิดที่เปิดกว้างยิ่งขึ้น มีทักษะชั้นสูงในการผ่าตัดทางศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสวย รวมทั้งการแก้ไขปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของร่างกายทั้งปกติและผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนโครงกระดูกใบหน้าและศีรษะ ซึ่งในเวลานั้น หลาย ๆ การผ่าตัด ยังเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จักกันและไม่มีการพูดถึงกันมากนักในตลาดความงาม

    การฝึกอบรมในต่างประเทศ ร่วมกับการได้เข้าร่วมดูแลผู้ป่วยทางด้านความงามและเข้าร่วมประชุมระดับชาติในช่วงนั้น ทำให้ได้เห็นและได้เข้าร่วมผ่าตัดที่ใช้เทคนิคทางศัลยกรรมแนวใหม่ เครื่องมือแพทย์ และวัสดุทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใช้ในประเทศไทย เช่น การผ่าตัดเต้านมด้วยกล้องส่อง การผ่าตัดปรับเปลี่ยนเรือนร่าง วัสดุยึดกระดูกชนิดละลายได้ (resorbable plate and screw) อุปกรณ์เพิ่มขนาดกระดูกใบหน้า (RED distraction device) การผ่าตัดด้วยกล้องส่อง (endoscopic procedures) ผงกระดูกเทียม (bone cement) การปรับเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าด้วยกระดูกเทียมที่ออกแบบเฉพาะบุคคล  นับเป็นช่วงโอกาสทองของชีวิต

    ศ. นพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์ กับอาจารย์สองท่านของเขา ศาสตราจารย์ เดวิด เจ. เดวิด (ขวา) และ ศาสตราจารย์ มูทาซ บี. ฮาบาล (ซ้าย) ในระหว่างการฝึกอบรมที่ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา  ทั้งสองท่านเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีชื่อเสียงระดับโลก  ศ. นพ.เดวิด เจ. เดวิด เป็นหนึ่งในศัลยแพทย์รุ่นแรกที่ได้รับการฝึกอบรมกับศ. นพ.พอล เทสเยอร์  ส่วนศ. นพ.มูทาซ บี. ฮาบาล เป็นนักเรียนของศ. นพ.โจเซฟ เมอร์เรย์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการศัลยกรรมแก้ไขความพิการบนใบหน้าและศีรษะในสหรัฐอเมริกา และยังเป็นหนึ่งในทีมที่ดำเนินการปลูกถ่ายไตสำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2497

    หมอนนท์เป็นหมอประจำครอบครัว

    ไม่ได้หมายถึงเวชศาสตร์ครอบครัว แต่เป็นวิสัญญีแพทย์เพื่อนหมอนนท์ซึ่งดมยาให้ประจำ บอกว่า เป็นหมอประจำครอบครัวนี่นา  คือเขาเห็นบ่อย ๆ ว่า คนไข้หมอนนท์มักเป็นคนในครอบครัวเดียวกันหลายคนเลย ตั้งแต่พ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า พากันมาทำหมดเลย  ก็เลยได้สมญานี้มา โดยไม่ต้องเรียนต่อหรือสอบให้ได้ความเชี่ยวชาญแบบเวชศาสตร์ครอบครัว

    ปรับปรุงล่าสุด - 25 ก.ย. 68